วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มาทำน้ำข้าวโพดกัน อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยนะคะ

น้ำข้าวโพดมีประโยชน์นะคะ
ข้าวโพดช่วยสร้างเซลล์ประสาทที่จอตา เหมาะกับผู้ใช้สายตามาก อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือตาโดนแดด ควัน ฝุ่น อันเป็นสาเหตุให้จอประสาทตาเสื่อมง่าย ข้าวโพดมีสารกลุ่ม ลูทิน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ช่วยชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อมค่ะ เป็นอาหารที่มีประโยชน์มากมาย วันนี้แนะนำวิธีการทำน้ำนมข้าวโพดมาฝากนะคะ


วิธีทำการทำน้ำข้าวโพดค่ะข้าวโพดหวาน

น้ำข้าวโพด

  1. ข้าวโพดหวาน 200-250 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
  3. น้ำต้มสุกหรือน้ำร้อน 1 ลิตร
 

วิธีทำ

  1. การเลือกข้าวโพดหวานที่มีเปลือกสีเขียวอ่อน ภายในเมล็ดเต่งตึงเรียงเต็มแถว ไม่มีช่องโหว่ และกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เมื่อใช้เล็บจิกเมล็ดบริเวณปลายฝัก จะมีน้ำแป้งไหลออกมา
  2. ล้างข้าวโพดหวานที่เลือกมาให้สะอาด แกะเมล็ดข้าวโพดให้ได้ปริมาณที่ต้องการ 200 – 250 กรัม
  3. นำมาใส่ภาชนะ นึ่งในเครื่อง ELVIRA JET STEAMER ตั้งเวลา 10-15 นาที เพื่อให้เมล็ดข้าวโพดนิ่ม และสุกพอที่จะนำไปปั่นเป็นน้ำนมข้าวโพดได้ (ถ้าใช้เครื่องนึ่งทั่วไปจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ค่ะ)
  4. นำข้าวโพดที่สุกแล้ว ใส่ลงในโถปั่น Power Blender เทน้ำต้มสุกหรือน้ำร้อน 1 ลิตร (1,000 มิลลิลิตร) น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย ลงในโถปั่นพร้อมกัน คุณสมบัติพิเศษ ของเครื่องปั่น ELVIRA Power Blender ใช้วัสดุทนความร้อน TritanTM สามารถเทน้ำร้อนใส่เข้าไปในโถปั่นได้ หรือถ้าใช้น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว น้ำนมข้าวโพดที่ปั่นจะได้อุณหภูมิความร้อนถึง 80 ºc – 86 ºc พร้อมดื่มได้ทันที
  5. เลือกโปรแกรม Soy Milk ใช้เวลาการปั่น 6 นาที (เป็นโปรแกรมเดียวกับเมนูน้ำเต้าหู้สด) โปรแกรมจะปั่นให้อัตโนมัติ โดยเริ่มจากรอบปั่นช้าเพื่อบดเมล็ดข้าวโพด จนปั่นให้เป็นน้ำนมข้าวโพดร้อน พร้อมดื่ม
  6. เมนูนี้นำไปแช่ตู้เย็น ดื่มเป็นน้ำนมข้าวโพดเย็นก็จะหอมหวานน่าดื่ม ดื่มได้ทุกคนในครอบครัว เพราะข้าวโพดมีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินซี ช่วยบำรุงสายตา ลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด

คุณค่าทางโภชนาการ

ข้าวโพดมีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินซี ช่วยบำรุงสายตาลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด

ประโยชน์ข้าวโพดหวาน (SWEET CORN)

  1. ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ
  2. มีสารกลุ่มลูทิน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ช่วยชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อมหรือตาบอดจากจอตาเสื่อม
  3. มีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณร้อยละ 40 กรดไลโนเลอิกมีฤทธิ์ควบคุมคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ
  4. การวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา พบว่าข้าวโพดมีกรดเฟอรูลิก (Ferulic) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการแก่ โรคหัวใจ ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโลเลต จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ แม้เมื่อนำข้าวโพดไปต้มสุกที่อุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ความร้อนก็ไม่ได้ทำลายสารนี้ แต่กลับเป็นการเพิ่มปริมาณสารให้สูงขึ้น
  5. วัยที่ต้องกินข้าวโพดคือ วัยเด็ก และเหมาะกับคนที่ต้องใช้สายตามาก อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือตาโดนแดด ควัน ฝุ่นเยอะ อันเป็นสาเหตุให้จอประสาทตาเสื่อมง่าย เนื่องจากข้าวโพดจะช่วยสร้างเซลล์ประสาทที่จอตา
เรียบเรียงข้อมูลจาก ประโยชน์ดอทคอม http://goo.gl/ZvTKCP
386191_4_2074594759
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น